ล้อ แม็ ก มา ส ด้า Bt50 มือ สอง
ในแต่ละช่อจะประกอบไปด้วยดอกย่อยประมาณ 10-20 ดอก มีกลีบดอกสีเหลืองสดจำนวน 5 กลีบ และเชื่อมติดกันเป็นพูโค้งหุ้มรังไข่เป็นรูปทรงกลมคล้ายไข่ปลา มีเกสรเพศผู้จำนวน 5 อันและรังไข่บริเวณกลางดอก ก้านดอกย่อยมีสีเหลืองอมเขียวสั้นๆ ขนาดของดอกจะขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ ในแต่ละปีจะให้ดอกได้ 3 ครั้ง คือ ช่วงเดือนมกราคม, ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน และในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ผล มีลักษณะเป็นรูปไข่ เปลือกผลเรียบเป็นมัน ผลอ่อนมีสีเหลือง เมื่อสุกจะกลายเป็นสีส้ม สีส้มอมแดง สีแดงเข้ม ไปจนถึงสีดำ ขนาดผลมีความกว้างประมาณ 0. 5-0. 8 ซม. ยาวประมาณ 1-1. 5 ซม. เมล็ด มีลักษณะเป็นรูปทรงไข่ สีน้ำตาล ภายในผลจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 1-2 เมล็ด มีต้นประยงค์อยู่ 3 ชนิด ที่สามารถพบเห็นได้ในประเทศไทย คือ 1. ต้นประยงค์ ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Alglaia chaudocensis pierre. 2. ประยงค์บ้าน ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Alglaia odorata lour. 3. ประยงค์ป่า ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Alglaia odoratissima blume. การขยายพันธุ์ สามารถทำได้ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด การตอน และการปักชำกิ่ง แต่ส่วนใหญ่จะนิยมการตอนและการปักชำกิ่ง เนื่องจากให้ดอกได้รวดเร็วและมีขนาดลำต้นที่ไม่สูงมากนัก สำหรับการตอนกิ่งควรเลือกกิ่งแก่สีน้ำตาลที่มีความอวบและสมบูรณ์ดี และทำการตอนในฤดูฝนที่มีน้ำให้ความชุ่มชื้นได้ตามธรรมชาติ วัสดุตอนควรเป็นขุยมะพร้าวผงที่หมักน้ำมาประมาณ 1-2 วันแล้ว ต่อมาให้นำไปใส่ในถุงพลาสติกรัดปากให้แน่น จากนั้นให้ผ่าออกนำไปหุ้มบริเวณกิ่งตอน หลังจากตอนกิ่งมาประมาณ 1.
0 1. 1 " Butea monosperma (Lam. ) Taub". Germplasm Resources Information Network. United States Department of Agriculture. 2006-05-18. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2009-05-08. สืบค้นเมื่อ 2009-10-24. ↑ ธงชัย เปาอินทร์. ต้นไม้ยาน่ารู้. กทม. 2551 ↑ จารุพันธ์ ทองแถม. พืชมหัศจรรย์โลกวิกฤติ. เศรษฐศิลป์.
ชื่อสามัญ Chinese Rice flower ชื่อวิทยาศาสตร์ Aglaia odorata Lour.
5-2 เดือน รากใหม่ก็จะงอกออกมา ก่อนตัดกิ่งไปปลูกควรรอให้รากมีสีน้ำตาลเสียก่อน ส่วนการปักชำ ควรเลือกกิ่งที่มีความสมบูรณ์และทำในฤดูฝนเช่นกัน จากนั้นให้ตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 15-25 ซม.
แกลง จ.
ทองกวาว (Butea monosperma(Lamk)Taub. ) เมื่อ วันที่ 4-6 กพ.
ไม่นิยมใช้กิ่งใหญ่ยาว เพราะปักชำติดช้า และโอกาสติดน้อยกว่ากิ่งขนาดเล็ก การปักชำจะปักชำใน ถุงเพาะชำขนาดเล็ก ด้วยการใช้วัสดุเพาะระหว่างดินผสมกับขี้เถ้าแกลบ อัตราส่วนดิน:ขี้เถ้า 1:1 โดยตัดปลายกิ่งยาว 15-20 ซม. นำมาปักชำ และรดน้ำทุกวันพอชุ่ม จากนั้น ประมาณ 15-20 วัน กิ่งจะแตกราก และตั้งตัวได้ และดูแลไปต่อประมาณ 2-3 เดือน ให้แตกกิ่งใหม่ ก่อนนำลงปลูกในแปลง ส่วนการตอน เป็นวิธีการที่ใช้สำหรับการขยายพันธุ์เพื่อให้ได้ต้นใหม่ที่มีขนาดใหญ่ การปลูก ต้นเทียนทองเป็นไม้ที่ชอบแสงจึงควรปลูกในที่โล่ง ไม่มีร่มไม้ใหญ่ โดยนิยมปลูกจากต้นกล้าจากการเพาะชำ อายุต้นกล้าประมาณ 2-3 เดือน ก่อนปลูกต้องเตรียมแปลงหรือบริเวณปลูกด้วยการพรวนดิน และกำจัดวัชพืชเสียก่อน ระยะปลูกประมาณ 20-40 ซม. ขึ้นกับขนาด และอายุต้นกล้า การดูแล ต้นเทียนทองเป็นไม้ที่ชอบแสง และดินชื้นไม่มาก จึงรดน้ำเพียง 2 วัน/ครั้ง พอชุ่ม แต่หากในช่วงฤดูแล้งที่อากาศร้อนจัด ควรรดเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะต้นเทียนทองที่มีอายุน้อย ส่วนการใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยคอกเพียงอย่างเดียวหรือใช้เศษใบไม้ ขีเถ้าแกลบโรยโคนต้นเท่านั้น ไม่ควรใช้ปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง เพราะจะทำให้ใบมีสีเขียวสดมาก ใบมีสีเหลืองทองน้อยลง รวมถึงการได้รับแสงมากจะทำให้ใบเทียนทองมีสีเขียวมากขึ้น
มีโคนกลีบเชื่อมติดกัน แผ่นกลีบ และขอบกลีบโค้งงอ ปลายกลีบโค้งมน กลางกลีบมีเส้นสีม่วงเข้ม 1 เส้น พาดผ่านจากโคนกลีบถึงปลายกลีบ ตรงกลางดอกมีลักษณะเป็นกรวย ประกอบด้วยเกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย ดอกจะบานจากบริเวณโคนช่อไปหาปลายช่อ 4. ผล และเมล็ด เมล็ด 1 เมล็ด เกิดจากดอก 1 ดอก เมล็ดมีลักษณะทรงกลมขนาดเล็ก ผลอ่อนสีเขียว ผลสุกสีเหลืือง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0. 5-0. 8 ซม. เปลือกหุ้มเทล็ดบาง เมล็ดด้านในมีสีน้ำตาล มีเปลือกเมล็ดแข็ง ประโยชน์จากเทียนทอง 1. เทียนทองเป็นไม้ที่นำมาใช้ประโยชน์ในด้านไม้ประดับเป็นหลัก เนื่องจากขยายพันธุ์ง่าย ทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี แตกพุ่ม และใบตลอดปี นิยมใช้ปลูกเพื่อการจัดสวน ปลูกเป็นแถวหน้าบาน ปลูกเป็นรั้ว ปลูกในกระถางบริเวณอาคาร เป็นต้น 2. เทียนทอง นอกจากจะเป็นไม้ประดับแล้วยังถือเป็นไม้มงคลที่มีความเชื่อว่าจะช่วยเรียก เงินเรียกทอง การค้าร่ำรวย ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข สรรพคุณเทียนทอง • ผลสุก ใช้ต้มเป็นยาระบาย ยาแก้ท้องเสีย การปลูกเทียนทอง การเพาะขยายพันธุ์ เทียนทองตามธรรมชาติขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด แต่ปัจจุบันการขยายพันธุ์จะนิยมใช้วิธีการปักชำมากที่สุด รองลงมาเป็นการตอน การปักชำจะใช้ขยายพันธุ์ได้ทั้งกิ่งขนาดใหญ่ และกิ่งขนาดเล็ก แต่โดยทั่วไปจะใช้ปลายกิ่งยาวประมาณ 15-20 ซม.